• Home
  • เรียนภาษาอังกฤษออนไลน์
Fangfang Notes
  • Home
  • เรียนภาษาอังกฤษออนไลน์
No Result
View All Result
  • Home
  • เรียนภาษาอังกฤษออนไลน์
No Result
View All Result
Fangfang Notes
No Result
View All Result
Home เรียนภาษาอังกฤษออนไลน์

ต้องฝึกแกรมม่าอังกฤษไหมในวัยอนุบาล?

by Fangfang
กรกฎาคม 8, 2025
Reading Time: 1 min read
Young boy learning to paint with teacher's guidance during art class.
Share on FacebookShare on Twitter

ในยุคที่ภาษาอังกฤษเป็นมากกว่าวิชา แต่กลายเป็นทักษะสำคัญของการใช้ชีวิต พ่อแม่หลายคนเริ่มมองหาแนวทางที่ดีที่สุดในการสอนลูกให้ “เก่งภาษา” ตั้งแต่ยังเล็ก บางคนพาลูกไปเรียนพิเศษตั้งแต่อายุยังไม่ถึง 4 ขวบ บางคนลงทุนในคลาสออนไลน์ บางคนก็พยายามสอนด้วยตัวเอง และหนึ่งในคำถามยอดฮิตที่มักเกิดขึ้นคือ…

 

ต้องฝึกแกรมม่าอังกฤษไหมในวัยอนุบาล?
ต้องฝึกแกรมม่าอังกฤษไหมในวัยอนุบาล?

 

“ลูกอยู่ในวัยอนุบาล…ควรเริ่มสอนแกรมม่าแล้วหรือยัง?”

หลายคนกลัวว่าไม่สอนตอนนี้ จะสายไป พอถึง ป.1 แล้วจะตามไม่ทัน บ้างก็กลัวว่าลูกจะติดการพูดแบบผิด ๆ ถ้าไม่ได้แก้แต่เนิ่น ๆแต่ในความเป็นจริง ทั้งจากมุมมองของนักวิชาการด้านภาษาศาสตร์ และผู้ปกครองที่มีประสบการณ์ คำตอบที่ตรงกันคือ ในช่วงวัยอนุบาล ควรโฟกัสที่ “การฟัง–การพูด” มากกว่า “การเรียนแกรมม่า” อย่างเข้มงวด

 

ดัชนี

Toggle
  • พัฒนาการของสมองในวัยนี้ ไม่ได้พร้อมกับการเรียนแบบเป็นทางการ
  • ทำไมการเร่งสอนแกรมม่าอาจกลับกลายเป็นผลเสีย?
  • เด็กสามารถเรียนรู้แกรมม่า “โดยไม่ต้องสอน” ได้อย่างไร?
  • แล้วเมื่อไหร่ถึงควรเริ่มเรียนแกรมม่า?
  • แล้วเราควรทำอะไรในวัยอนุบาล?
  • ประโยคผิดวันนี้ คือก้าวแรกสู่ประโยคที่ดีในวันหน้า
  • ภาษาไม่ใช่การแข่งขัน ใครพูดก่อน ไม่ได้แปลว่าเก่งกว่า
  • พื้นที่ปลอดภัย = จุดเริ่มต้นของพัฒนาการจริง ๆ
  • สรุปสั้นๆ:

พัฒนาการของสมองในวัยนี้ ไม่ได้พร้อมกับการเรียนแบบเป็นทางการ

เด็กในวัย 3–6 ปี ยังอยู่ในช่วงที่เรียกว่า “ช่วงไวต่อภาษา” (Sensitive Period) สมองจะเปิดรับภาษาได้ดีที่สุดผ่านประสบการณ์ตรง เช่น ได้ยินคำพูดบ่อย ๆ พูดโต้ตอบกับผู้ใหญ่ หรือเล่นบทบาทสมมติ ไม่ใช่การนั่งจดจำโครงสร้างประโยคหรือวิเคราะห์คำ

ถ้าลองเปรียบเทียบกับการเรียนภาษาแม่ เราจะพบว่า เด็กไทยสามารถพูดได้เป็นประโยคยาว ๆ โดยไม่ต้องรู้จักคำว่า “ประธาน กริยา กรรม” เลยด้วยซ้ำ เพราะเขาค่อย ๆ ซึมซับและเรียนรู้ผ่านการใช้งานจริง

เช่นเดียวกันกับภาษาอังกฤษ หากเราเน้นให้ลูกได้ยิน และพูดในสถานการณ์ที่หลากหลาย เด็กก็จะค่อย ๆ “จับ” โครงสร้างได้เอง โดยไม่ต้องเริ่มจากการท่องจำหรือการอธิบายทางไวยากรณ์

 

ทำไมการเร่งสอนแกรมม่าอาจกลับกลายเป็นผลเสีย?

มีหลายกรณีที่คุณพ่อคุณแม่หรือครูพยายามเน้นให้เด็กพูดแบบถูกต้องเป๊ะ ตั้งแต่ต้น เช่น ต้องเติม -s ให้ครบ ต้องพูดประโยคเต็ม หรือห้ามพูดผิด แต่สิ่งที่เกิดขึ้นในวัยนี้คือ…

 

✅เด็กจะรู้สึกว่า “พูดภาษาอังกฤษต้องระวังมาก”

✅บางคนเลือกจะเงียบ เพราะกลัวโดนแก้

✅การพูดกลายเป็นความกดดัน ไม่ใช่ความสนุก

 

สิ่งนี้ตรงข้ามกับหลักการสร้างความมั่นใจทางภาษาโดยสิ้นเชิง ในวัยอนุบาล สิ่งที่เด็กต้องการคือพื้นที่ที่ปลอดภัย ให้ลองพูด ทดลองผิด และได้ยินคำตอบที่อบอุ่นกลับมา มากกว่าการถูกสอนให้พูดถูกทุกคำ

 

เด็กสามารถเรียนรู้แกรมม่า “โดยไม่ต้องสอน” ได้อย่างไร?

เด็กเล็กมีความสามารถพิเศษในการจำและลอกเลียนเสียงและรูปแบบประโยค โดยที่เขาไม่รู้ตัวว่า “กำลังเรียน” อยู่ เช่น…

 

✅เมื่อได้ยินประโยคเดิมซ้ำ ๆ เขาจะเริ่มพูดตาม

✅หากคุณแม่พูดกับลูกเป็นประจำในรูปแบบคล้ายกัน เช่น “ไปไหม”, “เอาไหม”, “หนูทำเองได้นะ” → ลูกจะเข้าใจโครงสร้างของการถาม การชักชวน และการให้กำลังใจ

✅ในภาษาอังกฤษก็เช่นกัน หากเด็กได้ยินคำพูดและรูปประโยคจากครูที่ใช้ซ้ำ ๆ เด็กจะคุ้นเคย และพูดตามได้โดยไม่ต้องเข้าใจว่าคำไหนคือ “กริยา” หรือ “กรรม”

กรณีนี้เรียกว่า การเรียนรู้จากบริบท ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของทักษะการใช้ภาษาในระยะยาว

 

แล้วเมื่อไหร่ถึงควรเริ่มเรียนแกรมม่า?

คำตอบคือ เมื่อ “เด็กพร้อม” และ “อยากรู้ด้วยตัวเอง” นั่นอาจเกิดขึ้นตอน ป.1 หรือ ป.3 ก็ได้ ต่างกันไปตามแต่ละคนสัญญาณที่สังเกตได้คือ:

 

✅เริ่มถามว่าทำไมประโยคนี้พูดไม่เหมือนเมื่อวาน

✅สนใจแต่งประโยคหรือพูดเล่าเรื่อง

✅สะกดคำหรือเขียนได้แล้ว และพยายามจัดโครงประโยคเอง

✅เริ่มอยากรู้ว่าอะไรคือ “ถูก” หรือ “ผิด”

✅เรียนภาษาไม่ใช่เพราะบังคับ แต่เพราะสนใจจริง

เมื่อนั้น การแนะนำเรื่องแกรมม่าจะกลายเป็นเรื่องที่เด็ก “อยากเรียนรู้” ไม่ใช่ “ต้องจำ”

 

แล้วเราควรทำอะไรในวัยอนุบาล?

แทนที่จะกังวลว่าเด็กจะพูดผิด เราควรช่วยให้เขา “ได้ใช้ภาษา” ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้

 

✅อ่านนิทานภาษาอังกฤษ (หรือแปลให้ฟังภายหลัง)

✅เปิดเพลงเด็กสั้น ๆ ให้ร้องตามหรือเต้นตาม

✅ชวนเล่นบทบาทสมมติ เช่น เล่นร้านค้า เล่นคุณครู เล่นสัตว์

✅พูดคำศัพท์ง่าย ๆ ประจำวัน เช่น ตอนอาบน้ำ กินข้าว หรือออกนอกบ้าน

✅ชมลูกเสมอเมื่อเขากล้าพูด แม้จะยังพูดไม่ถูกทั้งหมด

ไม่ต้องแปลทุกคำ ไม่ต้องจับผิดหรือแก้ทุกประโยค ขอแค่ตั้งใจฟังและให้พื้นที่ปลอดภัย เด็กจะกล้าเรียนรู้ต่อเอง

 

ประโยคผิดวันนี้ คือก้าวแรกสู่ประโยคที่ดีในวันหน้า

เด็กที่พูดผิด ไม่ได้แปลว่าเด็กไม่เก่ง เด็กที่พูดช้า ไม่ได้แปลว่าเด็กไม่มีศักยภาพ และเด็กที่ยังไม่สนใจแกรมม่า ไม่ได้แปลว่าเขาจะพูดไม่ได้ เพราะภาษาคือทักษะที่ใช้ใจเรียนรู้ ไม่ใช่ท่องจำเพื่อสอบผ่าน ดังนั้น แม่ ๆ ไม่ต้องกังวลหากวันนี้ลูกยังพูดไม่เป๊ะ แค่เขากล้าพูดออกมา…คุณก็ได้เห็น “พลังของความพร้อม” แล้วค่ะ

 

ภาษาไม่ใช่การแข่งขัน ใครพูดก่อน ไม่ได้แปลว่าเก่งกว่า

หนึ่งในความเข้าใจผิดที่พบบ่อยคือ การเร่งให้ลูกพูดภาษาอังกฤษเร็ว ๆ เท่ากับ “เก่ง” แต่ในความจริง การเรียนภาษาควรเป็นการเดินทาง ไม่ใช่การแข่งขัน เด็กแต่ละคนมีจังหวะการเรียนรู้ต่างกัน บางคนฟังอยู่นานกว่าจะพูด บางคนพูดเร็วแต่เข้าใจจำกัด ซึ่งไม่เป็นไรเลยค่ะ เพราะสิ่งที่เราควรให้ความสำคัญไม่ใช่ความเร็ว แต่คือ “คุณภาพของความกล้า” ที่จะลองใช้ภาษา

 

พื้นที่ปลอดภัย = จุดเริ่มต้นของพัฒนาการจริง ๆ

ห้องเรียนที่ทำให้เด็กไม่รู้สึกกดดัน บ้านที่พ่อแม่ยิ้มทุกครั้งที่ลูกพูดผิด การไม่รีบสอน แต่รอให้ลูกถาม — สิ่งเหล่านี้เป็น “บรรยากาศ” ที่ช่วยส่งเสริมการพัฒนาภาษาได้ดีที่สุด ถ้าเรายอมรับว่าวันนี้ลูกยังไม่ต้องถูกหมด แต่เขากล้า เรากำลังวางรากฐานให้เขารู้สึกว่าภาษาอังกฤษไม่ได้น่ากลัว และการเรียนรู้มัน คือเรื่องธรรมดาที่ใคร ๆ ก็ทำได้

 

สรุปสั้นๆ:

✅วัยอนุบาลคือช่วงที่สมองพร้อม “ฟัง–พูด” มากกว่าท่องกฎ

✅อย่าเร่งสอนแกรมม่า ถ้าลูกยังไม่ถามเอง

✅สร้างบรรยากาศให้ลูก “อยากพูด” แทน “พูดให้ถูก”

✅การพูดผิดวันนี้ คือจุดเริ่มต้นของความมั่นใจในวันหน้า

✅เมื่อพื้นฐานแน่น เด็กจะเข้าใจแกรมม่าได้เองแบบง่ายดาย

 

หากคุณพ่อคุณแม่กำลังลังเลเรื่องแนวการสอน ฉันแนะนำให้เริ่มต้นจากความสนุก และความกล้า เป็นอันดับแรกค่ะ เพราะนั่นคือรากฐานที่สำคัญที่สุดของการเป็นเด็กสองภาษาที่ยั่งยืนในอนาคต💛

บทความที่เกี่ยวข้อง

girl, lovely, smile, happy, sweet, childhood, child, carefree, kid, toddler, portrait, pink, purple, girl, smile, smile, happy, happy, happy, happy, happy
เรียนภาษาอังกฤษออนไลน์

เทคนิคการใช้ Body Language ในการเรียนภาษาอังกฤษ

กรกฎาคม 25, 2025
book, read, woman, reading glasses, eyeglasses, bookwork, reading, girl, library, study, student, literature, learn, school, college, clever, smart, intelligence, intelligent, read, reading, reading, reading, reading, study, study, study, student, student, student, student, student, learn, school, school, college, smart, smart, smart, intelligent, intelligent
เรียนภาษาอังกฤษออนไลน์

เทคนิคการฝึกออกเสียงภาษาอังกฤษที่ถูกต้องสำหรับเด็ก

กรกฎาคม 24, 2025
distance learning, education, online, service, teacher, online courses, correspondence, remote learning, through the internet, services, teacher online, online tutor, school online, teacher, teacher, online courses, online courses, online courses, online tutor, online tutor, online tutor, online tutor, online tutor
เรียนภาษาอังกฤษออนไลน์

เริ่มเรียนกับครูต่างชาติ ยังกลัวลงทุนแพง?

กรกฎาคม 23, 2025
people, kid, child, cute, happy, smile, orange happy, orange smile, orange happiness, people, people, people, kid, kid, kid, child, happy, happy, happy, happy, smile, smile, smile, smile, smile
เรียนภาษาอังกฤษออนไลน์

แชร์วิธีเรียนภาษาอังกฤษให้เด็กเข้าใจเร็ว

กรกฎาคม 22, 2025
Next Post
A young boy wearing eyeglasses sits at a desk in a classroom, focused on a book.

ภาษาอังกฤษ ทักษะ ฟัง-พูด-อ่าน-เขียน ควรเริ่มจากอะไร?

เกี่ยวกับฉัน

เกี่ยวกับฉัน

fangfang

สวัสดีค่ะ ฟางฟางเองนะคะ บล็อกนี้เป็นพื้นที่เล็ก ๆ สำหรับบันทึกการเรียนรู้เกี่ยวกับภาษาอังกฤษในยุคออนไลน์ ฟางฟางไม่ได้เป็นครู ไม่ใช่นักวิชาการ แต่อยากแบ่งปันเรื่องราว เทคนิคน่าสนใจ และประสบการณ์รอบตัวที่เกี่ยวกับ “การเรียนภาษาอังกฤษออนไลน์” โดยเฉพาะสำหรับเด็กๆ หรือคนที่เพิ่งเริ่มต้น

Email:Nattakitta@51talk.com

  • Home
  • เรียนภาษาอังกฤษออนไลน์
Email:Nattakitta@51talk.com
No Result
View All Result
  • Home
  • เรียนภาษาอังกฤษออนไลน์