“ยังพูดไม่ได้เต็มประโยค จะสื่อสารยังไงดี?” “เวลาคุยกับครูต่างชาติ ลูกใช้แค่มือกวัดแกว่ง ไม่รู้จะพูดยังไง” “เรียนภาษาอังกฤษมา 6 เดือน ยังไม่มั่นใจเวลาโต้ตอบเลย”
หลายครอบครัวที่ให้ลูกเรียนภาษาอังกฤษตั้งแต่เด็กจะเจอคำถามเหล่านี้บ่อย ๆ ค่ะ โดยเฉพาะช่วงแรกที่คำศัพท์ยังจำไม่เยอะ หรือยังไม่กล้าพูดแบบเต็มเสียง สิ่งหนึ่งที่ช่วยเสริมให้การสื่อสารเป็นธรรมชาติขึ้นได้ทันทีคือ Body Language หรือภาษากายนั่นเอง
บทความนี้จะมาเจาะลึกว่า
- เด็กใช้ Body Language ในการเรียนภาษาอังกฤษได้ยังไง?
- เทคนิคที่พ่อแม่และครูควรสนับสนุนมีอะไรบ้าง?
- และเรียนภาษาอังกฤษแบบไหนที่ทำให้ “การใช้ภาษากาย” พัฒนาควบคู่ไปกับการพูด
พร้อมแนะนำคอร์สเรียนที่บ้านเราลองแล้วเวิร์คมากสำหรับเด็กเล็ก → ตัวต่อตัวกับครูต่างชาติผ่านออนไลน์จากบ้านเลย คลิ๊กลองเรียนฟรีที่นี่ก่อน

ทำไม Body Language ถึงสำคัญในการเรียนภาษาอังกฤษ?
สำหรับเด็กเล็ก (และผู้ใหญ่ที่ยังไม่คล่อง) ภาษากายคือ “ระบบสื่อสารสำรอง” ที่ช่วยเติมช่องว่างระหว่างคำศัพท์ที่ยังพูดไม่ได้ เช่น…
- ใช้นิ้วชี้ประกอบคำว่า “This is my toy.”
- ยิ้มและพยักหน้าเมื่อพูดว่า “Yes!”
- ทำหน้าตาเศร้าเมื่อพูดว่า “I’m sad.”
นักจิตวิทยาการเรียนรู้พบว่าเด็กวัย 3–10 ปี จะเข้าใจคำพูดได้ดีขึ้น เมื่อมี “ภาพประกอบ” และ “การเคลื่อนไหว” ร่วมด้วย ดังนั้นเมื่อเด็กเรียนภาษาอังกฤษ ถ้าเขาไม่เข้าใจคำบางคำ เขาจะดูจากสีหน้า ท่าทาง และสภาพแวดล้อมเพื่อเดาความหมายค่ะ
การฝึกใช้ Body Language ไม่ใช่แค่ทำให้เด็ก “ดูเข้าใจ” แต่ยังทำให้เขา “กล้าแสดงออก” และใช้ภาษาพูดตามมาได้เร็วขึ้นด้วย

พัฒนาการของ Body Language กับการเรียนภาษา
🎈 วัยเริ่มต้น (3–6 ปี)
เด็กยังพูดไม่คล่อง แต่มีพลังในการสื่อสารสูงมาก พวกเขาใช้มือ หน้าตา และการชี้ประกอบคำพูดเสมอ เช่น
- กางมือ = big
- หุบมือ = small
- ชี้หน้า = you
- ชี้ตัวเอง = me
พ่อแม่สามารถเสริมพฤติกรรมเหล่านี้ได้โดย
- พูดคำศัพท์พร้อมทำท่าทาง
- เล่นเกมที่มีการเคลื่อนไหวร่วม
- ทำกิจกรรมเลียนแบบ เช่น “Fly like a bird!”
🧠 วัยประถมต้น (7–10 ปี)
เริ่มพูดได้มากขึ้น แต่ยังต้องพึ่งภาษากายในการแสดงอารมณ์และความตั้งใจ เช่น การขมวดคิ้วเมื่อไม่เข้าใจ หรือยิ้มเมื่อได้คำชม
ครูและพ่อแม่สามารถฝึกให้เด็ก “ใช้ภาษากายอย่างมั่นใจ” โดยการ
- ชวนให้ใช้ท่าทางประกอบทุกคำ
- เปิดคลิปครูต่างชาติที่ใช้ gesture ชัดเจน
- ให้เด็กเล่าเรื่องโดยใช้ท่าทางช่วย

ตัวอย่างเทคนิคการใช้ Body Language ที่สอนง่ายและได้ผล
✅ใช้มือประกอบการอธิบาย
คำบางคำที่เด็กยังพูดไม่ได้ สามารถใช้มือช่วยได้ เช่น
- มือขยับขึ้นลง = jump / dance
- มือชี้ซ้าย–ขวา = left / right
- มือกอดตัวเอง = cold
- มือโบกไปมา = bye / no
เทคนิค: ให้เด็กพูดคำพร้อมทำท่าทาง เช่น “Jump!” แล้วกระโดดตาม เด็กจะจำคำศัพท์ได้แม่นขึ้น และกล้าพูดตามโดยไม่ต้องแปล
✅ใช้ใบหน้าสื่ออารมณ์
ใบหน้าคือเครื่องมือสื่อสารที่ดีที่สุดโดยไม่ต้องใช้คำ ลองฝึกให้เด็กแสดงสีหน้าตามคำ เช่น
- Smile = happy
- Frown = sad
- Open mouth = surprise
- Eyebrows up = curious
เทคนิค: เล่นเกม “face match” โดยให้ดูภาพคำศัพท์ แล้วทำหน้าตาตาม นอกจากเข้าใจความหมายแล้ว เด็กจะเริ่มใช้คำตามสีหน้าอย่างมั่นใจขึ้นค่ะ
✅ใช้ท่าทางนำบทสนทนา
เวลาเด็กพูด “I want…” → ชี้สิ่งที่ต้องการไปเลย หรือพูด “That’s mine!” → ชี้นิ้วที่ตัวเอง ครูและพ่อแม่ควรส่งเสริมโดยพูดตาม+ถามกลับ เช่น
“Oh, you want the red book?” → สร้างความมั่นใจว่าเขาพูดถูก
เทคนิค: ฝึก role play สถานการณ์ เช่น “shopping / school / zoo” แล้วให้เด็กพูดพร้อมใช้มือและใบหน้าช่วย
ประโยชน์ที่เห็นชัดเมื่อใช้ Body Language ในการเรียนภาษาอังกฤษ
- จำคำศัพท์เร็วขึ้น เพราะจับคู่เสียงกับท่าทางได้
- กล้าพูดมากขึ้น เพราะรู้ว่ามีวิธีสื่อสารอื่นรองรับ
- เข้าใจครูต่างชาติง่ายขึ้น เมื่อครูใช้ gesture ประกอบคำ
- ตอบคำถามไวขึ้น แม้พูดยังไม่คล่อง ก็สื่อได้ด้วยมือ
- สนุกกับการเรียน เพราะคลาสดูเหมือนการแสดง มากกว่าท่องจำ
บ้านเราลองใช้เทคนิคนี้ควบคู่ไปกับการเรียนตัวต่อตัวผ่าน 51Talk เพราะครูที่นั่นใช้ Body Language เยอะมาก โดยเฉพาะกับเด็กเล็ก เช่น ใช้ท่าชูนิ้วตอนนับเลข ใช้ภาพประกอบเสมอ และหัวเราะพร้อมแสดงสีหน้าทุกครั้งที่เด็กตอบดี เด็กเลยซึมซับได้เร็ว แล้วก็ “กล้าทำตาม” โดยไม่ต้องบอกซ้ำ
💡 ลองดูระบบเรียนแบบนี้ที่บ้านเราใช้ได้เลยค่ะ คลิกดูคลาสทดลองฟรีของ 51talk
กิจกรรมฝึก Body Language ที่บ้านง่ายๆ
1.เกม “พูดพร้อมท่า”
คุณพ่อคุณแม่ตั้งคำง่าย ๆ เช่น walk / jump / eat / cry แล้วให้ลูกทำท่าพร้อมพูด เด็กจะจำคำได้แม่นขึ้นจากท่าทางที่ทำซ้ำ
2.เกม “แสดงอารมณ์จากคำ”
พูดคำว่า happy / sad / angry / scared แล้วให้ลูกทำหน้าตาตาม จากนั้นสลับเป็น “แม่ทำหน้า → ลูกทายคำ” ก็ได้
3.เกม “คำใบ้ด้วยมือ”
ให้ลูกใช้มือใบ้คำ เช่น กล้วย → ทำท่ากินผลไม้ แม่ลองทายว่า “Is it banana?” → เด็กจะสนุก + ได้ฝึกสื่อสารไม่ใช้เสียง
แล้วเรียนกับครูไทยหรือครูต่างชาติดีกว่ากัน?
คำตอบคือ อยู่ที่ “ท่าทางของครู” ค่ะ ถ้าครูไทยใช้ภาษากายเก่ง → เด็กก็จะเรียนรู้ได้ดี แต่ถ้าอยากให้เด็ก “ฝึกสำเนียง + ฝึกดู gesture แบบธรรมชาติของเจ้าของภาษา” ก็แนะนำให้เรียนกับครูต่างชาติเลยค่ะ
บ้านเราเลือกครูฟิลิปปินส์ในระบบของ 51Talk เพราะพูดช้า สำเนียงดี และใช้ภาษากายตลอดเวลา เด็กเข้าใจโดยไม่ต้องแปล เช่นครูพูดว่า “Clap your hands!” แล้วตบมือไปด้วย เด็กก็ทำตามทันทีแม้ไม่รู้คำว่า “Clap”